ฮอลันดา
ประวัติศาสตร์โดยสังเขป
ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน
และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา
เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิกและเคลติก
ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้น
ในช่วงปี พ.ศ. 1906 – 2025
เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16
เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง
ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์และได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์และ
สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648)
จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน
ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี และถือเป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์ด้วย
หลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน
ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน
โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทาง
ทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่างๆ ของโลก
เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรปในเวลานั้น
และกรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป
จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก
ภูมิศาสตร์ของฮอลันดา
สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างใหญ่
พื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นน้ำทะเลมาก่อนดังนั้นประเทศนี้จึงอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
มีเพียงทางตะวันออกเฉียงใต้ในเขตลิมเบิร์ก เท่านั้นสามารถพบเห็นเนินเขาได้
แม่น้ำไรน์ที่ไหลมาจากเยอรมนี เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ
เนื่องจากเป็นประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเลจึงทำให้ต้องสร้างเขื่อน
เพื่อไม่ให้นำทะเลไหลท่วมได้ เนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเหนือ
จึงได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นด้วย
ทำให้ภูมิอากาศของประเทศอบอุ่นกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป
และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มากถึง 700 มิลลิเมตรต่อปี
การเข้ามาของฮอลันดาในเอเชีย
ฮอลันดาเป็นชาติที่มีความสามารถมากในการต่อเรือและการเดินเรือ
ฮอลันดาซึ่งเดิมอยู่ใต้อำนาจของสเปน สามารถปลดแอกจากสเปนได้สำเร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๑๑๑
จึงได้ทำการค้ากับประเทศต่างๆ ในยุโรปเหนือ โดยผ่านเมืองลิสบอน
เมืองหลวงของโปรตุเกส จนกระทั่งเมื่อสเปนและโปรตุเกสประกาศว่าไม่ยอมให้ฮอลันดาทำการค้าขายด้วย
ทำให้ฮอลันดาต้องเปลี่ยนทิศทางมายังหมู่เกาะเครื่องเทศ
โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำการค้าเครื่องเทศกับภูมิภาคเอเซีย
ตะวันออกเฉียงใต้ไม่คิดที่จะทำการเผยแผ่คริสต์คาสนาเช่นเดียวกับสเปนและโปรตุเกส ฮอลันดาสนใจทางการค้ามากกว่าการเข้าปกครองดินแดนนั้น
ๆ ฮอลันดามีบริษัทการค้ามากมายและ ใน พ.ศ. ๒๑๔๕ บริษัทการค้าของฮอลันดาประมาณ ๕๐
บริษัท ได้รวมตัวกันจัดตั้งบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา
นับเป็นจุดเริ่มต้นของระบบอาณานิคมสมัยใหม่ที่อาศัยการค้าเป็นสำคัญ บริษัทเหล่านี้เป็นกึ่งราชการ
มีอำนาจทางการค้า การเมือง การปกครอง การตัดสินใจในการแก้ปัญหาต่างๆ
ตลอดจนการทำสงครามและการทำสนธิสัญญา มีการสร้างป้อมปราการและมีกองทหารประจำบริษัท
บริษัทของออลันดาได้เปรียบกว่าบริษัทของชาติคู่แข่งในเวลานั้น พ.ศ. ๒๑๖๒
ฮอลันดาได้ครอบครองเมืองปัตตาเวีย (เมืองจาร์กาตาในปัจจุบัน) ในเกาะชวา และใน พ.ศ.
๒๑๘๔ ได้เข้ายึดมะละกาของโปรตุเกส ต่อมาได้ขยายสถานีการค้าไปในเกาะชวา สุมาตรา
หมู่เกาะโมลุกกะ เกาะบอร์เนียว เซลีเบส ตลอดจนแหลมมลายู
การที่มีอำนาจผูกขาดในหมู่เกาะอินดีสตะวันออก
ในขณะที่ชาวพื้นเมืองรบพุ่งกันอยู่ได้เปิดโอกาสให้ฮอลันดาเข้าแทรกแซงกิจการภายในและขยายอิทธิพลของตนได้สะดวกขึ้น
ต่อมาบริษัทเสื่อมลงเนื่องจากเกินการฉ้อโกงในบริษัท
เจ้าหน้าที่ของบริษัททำการค้าขายส่วนตัวทำให้บริษัทขาดทุนและมีหนี้สินมาก
รัฐบาลจึงยุบบริษัทและเข้าปกครองหมู่เกาะอินดีสตะวันออกโดยตรง
1. การเข้ามาขยายอิทธิพลของอังกฤษ
ในปี
ค.ศ.1818 เซอร์ แสตมฟอร์ดแรฟเฟิล
ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลอังกฤษให้เป็นผู้ว่าการอาณานิคมของอังกฤษในเบนคูเลน
แต่เนื่องจากบริเวณนี้ฮอลันดาผูกขาดทางการค้าอยู่ เซอร์แรฟเฟิลจึงคิดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อจัดตั้งสถานีการค้าแห่งใหม่และเพื่อคานอำนาจของฮอลันดา
เขาได้ออกสำรวจและเดินทางถึงสิงคโปร์ในวันที่ 29 มกราคม 1819 เซอร์แรฟเฟิลพบว่าสิงคโปร์มีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมจะเป็นศูนย์กลางการค้าของอังกฤษในภูมิภาคนี
2. ความเสื่อมของบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา
การแข่งขันทางด้านการค้าในยุโรป
การขยายการค้าเกินกำลัง V.O.C. ขยายตัวทางการค้าเข้าไปใน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก การค้าในจีนขาดทุ่น
ประกอบกับสินค้าเครื่องเทศลดความนิยมลง ความต้องการสิ่งทอ จากอินเดีย และ
ใบชาจากจีนเพิ่มขึ้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชชนิดใหม่เช่นชา กาแฟ
แทนการปลูกเครื่องเทศในหมู่เกาะชวา ตั่งแต่บันทัมถึงมาธะรัม
จำกัดการเพาะปลูกเครื่องเทศให้น้อยลง คือ ให้ปลูกได้ครอบครัวละไม่เกิน ๕ ต้น
ใครปลูกมากจะถูกจำคุก (ศิวพร ชัยประสิทธิกุล, ผศ., ๒๕๓๐ : ๘๐) แต่ก็ไม่สามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้
การผูกขาดการค้า ดัชไม่คำนึงถึงผลประโยชน์
ไม่สนใจสวัสดิการของชาวพื้นเมือง เอารัดเอาเปรียบชาวพื้นเมือง
ให้ค่าจ้างแรงงานพื้นเมืองถูก ให้ราคาสินค้าต่ำ
ขายสิ้นค้าอุปโภคบริโภคให้ชาวพื้นเมืองแพงการผูกขาดทางการค้าไม่ได้ผลเท่า
ที่ควรเนื่องจากมีอังกฤษและพ่อค้าชาวอาหรับเป็นคู่แข่ง อังกฤษและฝรั่งเศสหันมาส่งเสริมคนพื้นเมืองในอาณานิคมของตน
เพาะปลุกค้าขายแข่งกับฮอลันดา ทำให้รายได้ของฮอลันดาลดลง
ผลจากควบคุมการผลิตไม่ให้ผลผลิตมากเกินไป สิ้นค้าเครื่องเทศลดความนิยมลง
การผลิตต้องถูกควบคุมโดย V.O.C. กดราคาสินค้าให้ต่ำ
คนพื้นเมืองไม่พอใจต่อการบังคับการเพาะปลูก ต้องทำงานหนัก
ไม่มีเสรีภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ จึงเกิดการก่อกบฏ อีกทั้งเกิดปัญหาโจรสลัด
และการลักลอบขายสินค้า ดัชต้องเสียเงินอย่างมากในการปราบปราม
3. การถูกฝรั่งเศสขัดขวาง
เช่น ในปี ค.ศ. ๑๖๘๕
ฟอลคอนไม่ยอมให้ชาวฮอลันดาสร้างสถานีการค้าเป็นตึกที่นครศรีธรรมราช
แต่ยอมให้สร้างด้วยไม้เป็นการชั่วคราว จากอุปสรรคประการต่างๆ
ที่ขัดขวางการค้าขายของฮอลันดา ทำให้ฮอลันดาค่อยๆ
ถอนตัวทางการค้าในประเทศสยามตั้งแต่นั้นมา การค้าของฮอลันดาก็เสื่อมโทรมลงตามลำดับ
จนกระทั่งอยุธยาเสียแก่พม่าในปี ค.ศ. ๑๗๖๗
เป็นเหตุให้การค้ากับชาวตะวันตกได้ยุติลงโดยสิ้นเชิง
4. การปฏิวัติอุตสาหกรรม
ความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของฮอลันดาได้สิ้นสุดลงในระหว่างศตวรรษที่
๑๘ ทั้งนี้ ก็เนื่องมาจากเหตุผลหลายประการ
อาจเป็นเพราะความก้าวหน้าที่ดําเนินมานั้นได้หยุดชะงักลง
หรือเสื่อมทรุดลง แต่ว่าส่วนใหญ่คงเนื่องมาจากประเทศอื่นพัฒนารุดหน้าตามมาทันโดยเลียนแบบทางเทคนิคด้านต่างๆ
แล้วในที่สุดก็เลิกซื้อสินค้า เลิกใช้บริการ
เลิกใช้เรือ หรือเงินทุนของฮอลันดา จุดอ่อนอันสําคัญของฮอลันดาซึ่งไม่มีวัตถุดิบที่หาได้ภายในประเทศได้ทําให้ฮอลันดาไม่สามารถที่จะดํารงฐานะเป็นผู้ผลิตสินค้าใดๆ
ได้เป็นการถาวรตลอดไป การที่ต้องอาศัยสั่งวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อแปรสภาพแล้วส่งออกไปจําหน่ายอีกนั้น
ทําให้ฐานะทางเศรษฐกิจของฮอลันดาไม่มั่นคงแน่นอนและตกอยู่ในฐานะลําบาก เมื่อประเทศที่เคยส่งวัตถุดิบให้
หรือที่เคยซื้อสินค้าจากฮอลันดากลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมมีฐานะเข้มแข็งขึ้น หรือประเทศดังกล่าวกลายเป็นศัตรูทางการเมืองกับฮอลันดา หนึ่ง ในด้านการต่อเรือและการเดินเรือ ประเทศอื่นก็มีความรู๎ความสามารถขึ้น และในด้านการเงินการธนาคาร ชาวฮอลันดาก็ไม่อาจทําการผูกขาดได้เช่นแต่ก่อน บุคคลที่เคยอาศัยชาวฮอลันดาเป็นคนกลาง ก็สามารถทําการติดต่อกันได้โดยตรง ในที่สุดฐานะของฮอลันดาที่เคยได้เปรียบชาติอื่นในด้านต่างๆ
ก็เริ่มลดลงและความได้เปรียบดังกล่าวก็เริ่มหลุดลอยไปทีละอย่างสองอย่าง อีกประการหนึ่ง ความผิดพลาดอย่างฉกรรจ์บางอย่างของฮอลันดา และการที่มีแนวความคิดหรือทรรศนะตายตัว โดยไม่ยอมปรับเปลี่ยนตนให้ทันต่อการเปลี่ยนผันของโลก
เป็นส่วนสำคัญทำให้อำนาจฮอลันดาเสื่อมลง


http://th.wikipedia.org/wiki . ประเทศเนเธอร์แลนด์
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น